กากมะพร้าวและกากถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตรที่ยังคงมีสารอาหารและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสจากวัตถุดิบเหลือทิ้งทั้ง 2 ชนิดดังกล่าววางจำหน่ายในตลาด ดังนั้นผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสทางเลือกใหม่จากกากมะพร้าวและกากถั่วเหลืองจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นจากการศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างปริมาณกากมะพร้าวและกากถั่วเหลือง โดยที่กากมะพร้าวจะถูกนำไปคั่วในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้สี กลิ่น และรสชาติที่พึงประสงค์ หลังจากนั้นกากถั่วเหลืองและกากมะพร้าวคั่วจะถูกนำมาหมักเป็นซอสโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ Aspergillus oryzae หมักที่อุณหภูมิ 37 ºC เป็นระยะเวลา 2 เดือน ผลิตภัณฑ์หลังกระบวนการหมักผ่านการตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพ คุณภาพทางเคมี และคุณลักษณะทางประสาทสัมผัส และถูกคัดเลือกเป็นซอสปรุงรสทางเลือกใหม่สูตรที่ดีที่สุด โดยผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสทางเลือกใหม่จากกากมะพร้าวและกากถั่วเหลืองเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้วัถุดิบเหลือทิ้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ราคาไม่แพง และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการทดลองความแปลกใหม่

สามารถตากแดดเนื้อสัตว์ที่ต้องการประกอบอาหารเป็นประเภทแดดเดียวได้ทุกชนิด

เราได้พัฒนาทางเลือกที่เป็นนวัตกรรมเพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์โดยการเปลี่ยนน้ำข้าวฟ่างหวานให้เป็นเซรั่มเครื่องสำอางจากยีสต์ที่ผลิตแคโรทีนอยด์ Rhodotorula graminis โดยกระบวนการทางชีวภาพ แคโรทีนอยด์เป็นรงควัตถุสีเหลืองและสีส้ม การผลิตแคโรทีนอยด์โดยใช้การสังเคราะห์ทางเคมีนั้นมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ได้ไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่ใช้ในกระบวนการผลิต รวมถึงการเกิดผลิตผลพลอยได้ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น จึงมีการนำยีสต์มาใช้ในการผลิตแคโรทีนอยด์ โดยยีสต์ที่นิยมใช้คือ Rhodotorula graminis ซึ่งสามารถผลิตแคโรทีนอยด์ได้ในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบต้าแคโรทีน โทรูลาโรดิน และโทรูลีน ซึ่งแคโรทีนอยด์นิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีกับการดูแลผิวหนัง ได้แก่ ช่วยปกป้องโครงสร้างผิวหนังจากการทำลายจากรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด ต้านอนุมูลอิสระ และลดเลือนริ้วรอย นอกจากนี้มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และยับยั้งเอนไซม์อีลาสเตส นอกจากนี้ยังใช้เป็นสารแต่งสีในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอีกด้วย

เส้นใยการพิมพ์ 3 มิติ ทนความร้อนและหดตัวต่ำจากขยะขวด PET ปัจจุบันทั่วโลกมีขยะพลาสติกประมาณ 6,300 ล้านตันต่อปี จึงจำเป็นต้องมีการนำมารีไซเคิลเพื่อลดปัญหาขยะล้นโลก หนึ่งในขยะพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ คือ ขยะจากขวด PET งานวิจัยนี้จึงมีความสนใจที่จะทำการปรับปรุงสมบัติของ rPET ที่ผ่านการดัดแปรให้มีโครงสร้างแบบ long chain branching (modified-rPET) ให้มีสมบัติความเป็นผลึกมากขึ้น โดยการเติมสารก่อผลึกไฮโดรโฟบิกนาโนซิลิกา (ซึ่งเป็นนาโนซิลิกาทางการค้าที่มีโครงสร้างเป็นรูพรุนและผ่านการดัดแปรผิวให้มีสมบัติเป็นไฮโดรโฟบิกเพื่อให้สามารถเข้าได้ดีกับพอลิเมอร์ได้ดีขึ้น) ในงานนี้จะทำการผสมสารก่อผลึกดังกล่าวลงใน modified-rPET เพื่อปรับปรุงค่าการหดตัวของ modified-rPET เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานเส้นใยสำหรับการพิมพ์สามมิติ

ขวดพลาสติกเป็นขยะที่ยากต่อการย่อยสลาย หากถูกทิ้งลงแม่น้ำหรือทะเล จะทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ แต่ประโยชน์ของพลาสติกนั้นสามารถเอากลับมาใช้ใหม่ผ่านการรีไซเคิลได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการทิ้งขยะอย่างไม่ถูกต้องได้ เราจึงได้คิดค้นประดิษฐ์ตู้บีบขวดน้ำอัตโนมัติ ที่ช่วยลดขนาดขวดน้ำและมีพื้นที่เก็บบรรจุขวดน้ำมากขึ้น ช่วยทุ่นแรงและเวลาในการบีบขวดน้ำเพื่อนำไปให้ร้านรับซื้อของเก่าหรือโรงงานรีไซเคิลต่อไป